สัปดาห์นี้ที่ผ่านมา ได้มีโอกาสไปบวชชีพราหมณ์ สวดมนต์ข้ามคืน ถือเนสัชชิก ถือศีลแปด
คุ้มมากๆ ได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่าง ได้ฝึกความอดทน ได้ฝึกใจ ได้เข้าใจอะไรต่ออะไรหลายอย่าง
ปลื้มปีติค่ะ
ปกติภาวนาอยู่กะบ้านไม่เคยไปไหน ไม่เคยต้องฝืนร่างกายขนาดนี้มาก่อน
พอดีมีโอกาสไป ก็เลยชวนน้องที่บ้านไปด้วย น้องผู้เพิ่งมาสนใจธรรมะ (นี่มันวิทย์แท้ ไม่ใช่พุทธแท้ 555 แต่นะ ด้วยอะไรหลายอย่าง สุดท้ายก็ปฏิเสธไม่ได้หรอก)
การสวดมนต์ข้ามคืน ตอนแรกก็คิดว่า เค้าสวดกันรวดเดียว แต่จริงๆแล้วเค้าแบ่งเป็นรอบๆ ฆราวาสกะพระสงฆ์สวดสลับกัน
เราก็สวดอิติปิโส สามห้องไป มันมาก สวดพร้อมกันทั้งวัด แม้ตรงจุดที่เรานั่งสวดอยู่จะหลับกันซะเกินครึ่ง เราก็ยังมันส์ได้อยู่
แล้วพอดี ดูตามกำหนดการณ์ว่าสวดจาก 3ทุ่ม ถึง ตีห้า เราก็เอ้าพอไหวๆ เลยถือโอกาสได้ ถือเนสัชชิกไปด้วย
(อยู่บ้านอยากทำมาก แต่รับรองว่า ไหลลงนอนบนเตียงแน่นอน 555)
เค้าให้บวชชีพราหมณ์รับศีลแปดก่อน (แต่ก็หลังจากกินข้าวเย็นแล้ว ระหว่างสวดมนต์เลยได้แค่น้ำกะกาแฟ 1 ถ้วยค่ะ) อันนี้ก็โอเคอยู่ เพราะสวดมนต์มันปีติ มีกำลัง ก็สบายค่ะ อยู่รอดได้ทั้งคืน
ตอนสวดมนต์ ผ่านไปได้ประมาณ 3 รอบ โดยที่ไม่ได้ลุกไปไหน ก็เริ่มไม่ไหวแล้ว เมื่อยมันทั้งตัว
ก็เริ่มลุกเดิน บิดไปมา ก็ยังโอเคอยู่ ถึงตอนพระท่านสวด เราก็นั่งสมาธิ ถ้าเห็นตัวเอียงๆเมื่อไหร่ก็รู้ได้เลย นั่นหลับไปนิดนึงแล้ว แต่ก็ยังมีสติพอได้ยินเสียง ว่าถึงตาโยมสวดแล้ว
ได้กาแฟตอนเที่ยงคืน อยู่ได้ถึงประมาณเกือบๆตีห้า ตอนพระท่านสวดแผ่เมตตา เลยมีหลับๆไปบ้าง
ตอนนี้เลยได้เข้าใจว่า ทำไมพระท่านถึงมีปัญหาปวดเข่ากันเยอะ เพราะท่านนั่งกันนาน นั่งกันทนจริงๆ
โยมแบบว่า บิดไปหลายรอบแล้ว ยังเอาไม่อยู่
สรุปคือ ได้ไปงานนี้คุ้มมากๆ ได้เข้าใจอะไรหลายๆอย่าง แบบที่จินตนาการเอาไม่ได้ ตอนแรกคิดว่า แค่นั่งสวดมนต์ทั้งคืนจะไปยากอะไร
ที่ไหนได้ ใจเราล้วนๆเลย ว่าจะทำได้รึเปล่า
พอทำได้ ผ่านมา รู้สึกปลื้มมากค่ะ
และอีกอย่าง ไม่คิดว่า น้องสาวที่หนีบไปด้วยจะอยู่สวดได้ครบเหมือนกัน แม้จะมีนอนเอนหลัง หลับไปหลายยก แต่ปลุกขึ้นมาก็นั่งสวดต่อได้
และที่สำคัญบอกว่าติดใจ รอบหน้าจะชวนเพื่อนๆมาร่วมกันสวดมนต์ด้วย (พี่สาวเลยได้ปลื้มหลายยก)
สนทนาธรรมประจำสัปดาห์ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๗
คุ้มมากๆ ได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่าง ได้ฝึกความอดทน ได้ฝึกใจ ได้เข้าใจอะไรต่ออะไรหลายอย่าง
ปลื้มปีติค่ะ
ปกติภาวนาอยู่กะบ้านไม่เคยไปไหน ไม่เคยต้องฝืนร่างกายขนาดนี้มาก่อน
พอดีมีโอกาสไป ก็เลยชวนน้องที่บ้านไปด้วย น้องผู้เพิ่งมาสนใจธรรมะ (นี่มันวิทย์แท้ ไม่ใช่พุทธแท้ 555 แต่นะ ด้วยอะไรหลายอย่าง สุดท้ายก็ปฏิเสธไม่ได้หรอก)
การสวดมนต์ข้ามคืน ตอนแรกก็คิดว่า เค้าสวดกันรวดเดียว แต่จริงๆแล้วเค้าแบ่งเป็นรอบๆ ฆราวาสกะพระสงฆ์สวดสลับกัน
เราก็สวดอิติปิโส สามห้องไป มันมาก สวดพร้อมกันทั้งวัด แม้ตรงจุดที่เรานั่งสวดอยู่จะหลับกันซะเกินครึ่ง เราก็ยังมันส์ได้อยู่
แล้วพอดี ดูตามกำหนดการณ์ว่าสวดจาก 3ทุ่ม ถึง ตีห้า เราก็เอ้าพอไหวๆ เลยถือโอกาสได้ ถือเนสัชชิกไปด้วย
(อยู่บ้านอยากทำมาก แต่รับรองว่า ไหลลงนอนบนเตียงแน่นอน 555)
เค้าให้บวชชีพราหมณ์รับศีลแปดก่อน (แต่ก็หลังจากกินข้าวเย็นแล้ว ระหว่างสวดมนต์เลยได้แค่น้ำกะกาแฟ 1 ถ้วยค่ะ) อันนี้ก็โอเคอยู่ เพราะสวดมนต์มันปีติ มีกำลัง ก็สบายค่ะ อยู่รอดได้ทั้งคืน
ตอนสวดมนต์ ผ่านไปได้ประมาณ 3 รอบ โดยที่ไม่ได้ลุกไปไหน ก็เริ่มไม่ไหวแล้ว เมื่อยมันทั้งตัว
ก็เริ่มลุกเดิน บิดไปมา ก็ยังโอเคอยู่ ถึงตอนพระท่านสวด เราก็นั่งสมาธิ ถ้าเห็นตัวเอียงๆเมื่อไหร่ก็รู้ได้เลย นั่นหลับไปนิดนึงแล้ว แต่ก็ยังมีสติพอได้ยินเสียง ว่าถึงตาโยมสวดแล้ว
ได้กาแฟตอนเที่ยงคืน อยู่ได้ถึงประมาณเกือบๆตีห้า ตอนพระท่านสวดแผ่เมตตา เลยมีหลับๆไปบ้าง
ตอนนี้เลยได้เข้าใจว่า ทำไมพระท่านถึงมีปัญหาปวดเข่ากันเยอะ เพราะท่านนั่งกันนาน นั่งกันทนจริงๆ
โยมแบบว่า บิดไปหลายรอบแล้ว ยังเอาไม่อยู่
สรุปคือ ได้ไปงานนี้คุ้มมากๆ ได้เข้าใจอะไรหลายๆอย่าง แบบที่จินตนาการเอาไม่ได้ ตอนแรกคิดว่า แค่นั่งสวดมนต์ทั้งคืนจะไปยากอะไร
ที่ไหนได้ ใจเราล้วนๆเลย ว่าจะทำได้รึเปล่า
พอทำได้ ผ่านมา รู้สึกปลื้มมากค่ะ
และอีกอย่าง ไม่คิดว่า น้องสาวที่หนีบไปด้วยจะอยู่สวดได้ครบเหมือนกัน แม้จะมีนอนเอนหลัง หลับไปหลายยก แต่ปลุกขึ้นมาก็นั่งสวดต่อได้
และที่สำคัญบอกว่าติดใจ รอบหน้าจะชวนเพื่อนๆมาร่วมกันสวดมนต์ด้วย (พี่สาวเลยได้ปลื้มหลายยก)